วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554



วันนั้นทำให้อยากเรียนญี่ปุ่นทันทีเลยแหะ...

วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

โว๊ะ.......ความสุขเล็กๆ ในสภาวะ น้ำท่วม

หลายคนตอนนี้อาจจะเป็นผู้ประสบภัยน้ำท่วม ไม่ก็เกือบจะเป็นกันไปแล้ว ก็หลายคนเครียดบ้านโดนท่วม อีกหลายๆคนเครียดกว่าบ้านยังไม่ท่วมแต่ฟังข้อมูลข่าวสารว่าจะท่วมไม่ท่วม ลองมาอ่านอะไรขำๆของคนบ้านโดนน้ำท่วมเล่นๆดูเผื่อจะได้ลดความตึงเครียดได้บ้าง

-------------------------------------------------------------------------------------------------


พ่อกับลูกกำลังอยู่ในบ้านกำลังประสบภัยน้ำท่วมแห่งหนึ่งในกรุงเทพ(แถวๆอนุสรณ์สถาน)

ลูก: พ่อน้ำเข้าบ้านแล้วทำไงดีกระสอบทรายเอาไม่อยู่แล้ว
พ่อ: (พ่อทำหน้าเครียด) พ่อบอกลูกแล้วว่าให้ซื้อนาฬิกา
ลูก: (ลูกทำหน้างง) ซื้อทำไมพ่อ??
พ่อ: ก็นาฬิกามันกันน้ำ น้ำจะได้ไม่เข้าบ้าน (ตึกโป๊ะ ในใจพ่อ)
ลูก: (ทำหน้าเซ็ง) โว๊ะ...

--------------------------------------------------------------------------------------------------


อากับหลานกำลังอยู่ในบ้านกำลังประสบภัยน้ำท่วมแห่งหนึ่งในกรุงเทพ(แถวๆอนุสรณ์สถาน ที่เดิม)
ขณะที่น้ำกำลังไหลเข้าบ้านเรื่อยๆ ก็คางคกว่ายน้ำเข้าบ้าน



หลาน: อาๆ นั่นมันคางคก(มือชี้ไปที่แขกที่มาใหม่ในบ้าน)
อา: จับมันขึ้นที่แห้งหน่อยมันอยู่ในน้ำไม่ได้นาน
หลาน: คางคกมันอยู่ในน้ำได้(หลานเถียงเสียงแข็ง) มันเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ
อา: ไม่ได้ๆคางคกมัน ไม่ใช่แมว(ทำเสียงดุเล็กๆ)
หลาน: (หยุดงงเล็กน้อย) แมวมันอยู่ในน้ำได้ที่ไหนเล่า(ตั้งสติแล้วเถียงสู้)
อา: ก็แมวน้ำไง (ตึกโป๊ะ ในใจอา)
หลาน: โว๊ะ...

---------------------------------------------------------------------------------------------------


สิงห์บุรีกำลังตกอยู่ในสภาวะน้ำท่วมกัน
พ่อลูกคู่หนึ่งทานข้าวเย็นขณะที่ระดับน้ำยังคงสูงขึ้นเรื่อยใกล้จะมิดชั้นหนึ่ง

ลูก: เฮ้อ พ่อน้ำปีนี้เยอะเนอะ พ่อว่ากรุงเทพจะรอดไหม
พ่อ: (สีหน้าพ่อเคร่งเครียดมาก) พ่อว่าปีนี้กรุงเทพไม่น่ารอด
ลูก: จริงหรอพ่อ (ลูกตกใจระดับหนึ่ง) ทำไมพ่อคิดอย่างงั้นล่ะครับ
พ่อ: ก็คลองมันแค่สามวาเอง (ตึกโป๊ะ ในใจพ่อ)
ลูก: โว๊ะ...

----------------------------------------------------------------------------------------------------

ขอคอบคุณ ครอบครัว สงวนสัตย์ และก็พ่อหวาน พรหมผาง ที่ทำให้เกิดรอยยิ้มเล็กๆ

แม้ว่าในใจอาจจะเครียด วิตกกังวล ถ้าเราพยายามใจเย็นๆ หาวิธีการแก้ไขมัน มองหาความสุขที่มีอยู่รอบตัวคุณ บางทีความทุกข์ที่มีอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อย ก็เป็นได้

ผมเป็นกำลังใจให้ครับ (บ้านผมก็ท่วม T ^ T)


วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เมื่อ [ความเศร้า] มานั่งข้างๆ...


เวลาเราใช้ชีวิตปกติสุขของเราไปตามกระแสของวันเวลาเราโดยไม่เคยรู้เลย
 [ความเศร้า] กำลังเข้ามา สุดท้ายเค้าก็มานั่งข้างเรา
จากตัวเราที่เคยสดใส เคยร่าเริง มันหายไปหมด เค้าก็พามันไปหมด
เราเองเริ่มสงสัยจะทำยังไงกับ [ความเศร้า] ที่ตามติดเราตลอด
เราเริ่มหนีจากความเศร้าโดยพาตัวไปพบปะผู้คน หรือแม้แต่เก็บตัวไม่เจอใคร
แต่สุดท้ายสิ่งที่ดีที่สุดคือการพยายามอยู่กับ [ความเศร้า] จนกว่าเขาจะจากไป

บางที [ความเศร้า] ก็แค่มาบอกเราว่า "พยายามผ่านมันไปให้ได้นะ"



...ไม่มีวันที่ฝนจะหยุดตกอย่างแท้จริง เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับสายฝน...

วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เมื่อการเดินทางสำคัญกว่าจุดหมาย

เมื่อการเดินทางสำคัญกว่าจุดหมาย
มาจากหนังสือชื่อ 52 วัน มหํศจรรย์ครึ่งโลก ของ เปเล่ - คริสโตเฟอร์ วอชิงตัน

พอดีผมมีโอกาสอ่านหนังสือเล่มนี้โดยการหยิบยืมรุ่นน้องในที่ทำงานด้วยความเป็นคนชอบผจญภัยจึงขอยืมอ่าน แค่หน้าปกของเล่มก็เจอคำที่ว่า "เมื่อการเดินทางสำคัญกว่าจุดหมาย" ผมอ่านแล้วก็คิดว่าอืมจริง ผมนึกย้อนไปถึงการเดินทางของผมนั่งบนรถเมย์ รถทัว รถไฟ หรือรถส่วนตัวก็ตามผมมักจะชอบมองออกไปแล้วเก็บสิ่งที่น่าประทับใจในการเดินทางนั้นๆ

ผมว่ามันก็คล้ายกับชีวิตคนเราที่เดินทางจากกิโลเมตรที่ 1 ไปยังลมหายใจสุดท้ายของชีวิตเป้ามายมันถูกกำหนดไว้ชัดเจนตั้งแต่เกิด แล้วก็เกิดเป้าหมายตลอดการเดินทางของชีวิตเรา ไม่ว่าจะสั้นแค่ "ตื่นเช้ามาไปชงกาแฟ" ไปจนถึง ."เป็นเจ้าของบริษัทที่มูลค่าเป็นพันๆล้าน" แต่พอเราพุ่งไปยังเป้าหมายจนลืมไปว่าชีวิตเรามันยังบางอย่างที่สำคัญไปคือ "การเก็บความทรงจำที่ดีตลอดการเดินทาง" :)






เลยขอนำ MV นี้มาลงด้วย เนื่องจากภายใน MV มีการเดินทางตลอด MV

พอฟังเนื้อหาก็ยังกลับมาเรื่องเดิม "เมื่อการเดินทางสำคัญกว่าจุดหมาย"
ผมเลยเข้าใจว่าเมื่อเรารักใครสักคนนึงบางครั้งเป้าหมายคือการที่อยู่เคียงข้างเขา แต่จริงๆแล้วเราควรเก็บความสุขที่เรารักเขาแม้ปลายทางมันจะไม่ใช่ก็ตาม :)

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เราจะรอให้พร้อมไปทำไม.....


จุดเริ่มต้นของมุมหักเหไม่กี่องศา แต่ปลายทางมันต่างกันลิบลับ”
หลายๆคนอาจจะนึกภาพไม่ออกว่าเป็นยังไงดูภาพประกอบครับ


ให้เราลองจินตนาการตัวเราไปอยู่ในนั้นครับ ว่าเรากำลังเริ่มต้นอะไรสักอย่างที่มันแตกต่างจากคนอื่น หรือมองว่าแปลกแยก อย่าแปลกใจครับ เพราะเคยมีคนที่ทำสิ่งที่แตกต่างตั้งมากมายในอดีตให้เรายกตัวอย่างกันอย่างไม่หวาดไม่ไหว
"ก้าวแรกสำคัญ หากสิ่งที่สำคัญกว่าคือทิศทางที่ถูกต้อง"  http://twitter.com/#!/wongthanong
ให้ลองถามตัวเองว่าเราชอบอะไร ค้นหาและตั้งใจทำมันให้เต็มที่
อย่าไปคิดว่าจะประสบความสำเร็จอย่างไร ให้คิดว่าตอนนี้มีเรื่องอะไรท้าทายเรามาที่สุด เรื่องอะไรที่เราอยากรู้ที่สุด
อยากหาคำตอบที่สุด อะไรที่เราไม่ได้ทำแล้วจะเสียดายมากที่สุด แล้วให้ลงมือทำสิ่งนั้น อย่าไปคิดถึง
5 ปีข้างหน้า อย่าคิดว่าเราจะได้รางวัลอะไรรออยู่ “[จาก นิ้วกลม ]
แต่พูดเรื่องนี้เสร็จก็จะอาจจะมีคนพูดกลับมาว่า “ผมแก่แล้วจะทำอะไรได้” “เรื่องแบบนี้ก็ปล่อยให้เด็กเขาทำไป” .”เริ่มตอนนี้จะไปทันอะไร” ผมก็อยากบอกไปว่า
การเริ่มต้นไม่มีคำว่าสาย ไม่ต้องรอพร้อม เราต่างหากที่ต้องทำตัวให้พร้อม
ผมก็เป็นคนชอบอะไรหลายๆอย่าง อยากทำไปหมดก็พยายามทำไปเรื่อยๆ
เคยมีคนถามว่า “ทำไมพี่ทำอะไรเยอะแยะจัง” ผมยังไม่ทันตอบอะไร ก็ถามต่อไปว่า “ถ้าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดมันพังครืนลงมา พูดง่ายเจ๊งนั่นเอง พี่จะทำไง” ผมก็ได้โอกาสตอบสักที จริงๆก็ไม่ได้คิดเหมือนกันก็ถ้าวันหนึ่งมันเป็นอย่างนั้นขึ้นผมจะทำไง??? แต่ก็แวบเข้ามาในหัวก็ตอบไป .”พี่ก็คงไม่เสียใจหรอกถ้ามันเป็นอย่างนั้น เพราะพี่ก็คงบอกตัวเองว่าอย่างน้อยเราก็ได้ทำ” ผมว่าความสำคัญของมันไม่ได้อยู่ที่ว่าสำเร็จหรือไม่สำเร็จ มันอยู่ที่การกระทำคุณเอง คุณเลือกที่จะทำมันเองแล้วสุดท้ายความสำเร็จคือกำไร เพราะท้ายที่สุดเวลาคุณมองย้อนกลับมาจะได้มานึกเสียว่าถ้าวันเราได้ทำสิ่งนั้นลงไปเราอาจจะไม่เป็นอย่างนี้
“อย่าเสียใจในสิ่งที่ล้มเหลว แต่เราจะเสียใจเมื่อเวลาผ่านไป โดยที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย”

วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อดีตไม่ใช่เครื่องชี้วัดอนาคตของคนๆนั้น

"ธนบัตร 1000 บาท ต่อให้มันใหม่ หรือ ยับยู่ยี่ หรือสกปรกเปรอะเปื้อนแค่ไหน มันก็ยังมีค่า 1000 บาท ชีวิตคนเราก็เช่นเดียวกัน บางครั้ง เราอาจจะถูกทอดทิ้ง ถูกใครต่อใครซ้ำเติม เหยีบย่ำ ถูกขยี้ ยับเยิน เพราะผิดพลาดในการก้าวเดินของชีวิต จนทำให้เธอเกิดความรู้สึกว่าตนเอง ไร้ค่า แต่รู้ไหม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอก็ยังมี คุณค่าของความเป็นคน ไม่ว่าเธอจะสะอาดเอี่ยม หรือยับยู้ยี่"

จาก 
Theeradej Thipdechakorn (ขอขอบคุณข้อความดีๆครับ)

อยากให้มองไปข้างหน้า ไม่ว่าด้านหลังมันจะดำมืดแค่ไหน อย่างน้อยให้เชื่อว่าวันข้างหน้ามันยังมีอยู่ ถ้อได้แต่อย่าถอย หมดแรงได้ แต่อย่าหมดหวัง

"เพราะอดีตไม่ใช่เครื่องชี้วัดอนาคตของคน"

แมวดำ

วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ชีวิตคือวันข้างหน้า.....


บางคนคิดว่าชีวิตมันสั้น
บางคนคิดว่ามันยาว
บางคนคิดว่าอาภัพ
บางคนคิดว่าโชคดี

กรณีที่ว่าเราแย่แล้ว ให้คิดเสมอว่ายังมีแย่กว่า
กรณีที่ว่าเราสุขใจ ให้คิดเสมอว่าความสุขมันมีอยู่อีกในวันข้างหน้า

เราจะได้ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท และมีกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อ

ถ้ามันแย่มันก็ยังมีวันพรุ่งนี้ วันนี้มันหนัก มันก็ยังมีวันพรุ่งนี้
ถ้าท้อให้มองกลับไปว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง ความสำเร็จที่เราเคยผ่านมานั่นแหละคือสิ่งที่กำลังบอกว่าเราไปต่อได้
บางคนบอกว่าของผมไม่มี ของหนูไม่มี มีสิ่งอย่างน้อยเราก็พูดได้ เราเดินได้ เราอ่านหนังสือออก ทุกอย่างคือความสำเร็จในชีวิตทั้งหมด เอามันมาเป็นกำลังใจในการตื่นมาพบกับวันพรุ่งนี้

ขอให้มีความสุขกับการใช้ชีวิตนะครับ ^ ^

วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2554

จากแมวดำถึงวันแม่

จากแมวดำถึงวันแม่
                สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่านเนื่องด้วยเดือนนี้เป็นเดือนที่มีวันสำคัญวันหนึ่ง ก็คือ วันแม่ นั่นเอง วันนี้เลยอยากจะฝากถึงผู้ที่ติดตามเรา GadtoU ไม่ว่าคุณผู้อ่านจะอยู่ ณ จุดๆใดบนโลกใบนี้ อยากให้คุณผู้อ่านได้ย้อนนึกกลับไปในวัยเด็กเท่าที่พอจะนึกออก ให้ลองนึกถึงคืนวันที่อยู่กับแม่ หรือตอนนี้บางท่านอยู่ข้างๆ แม่อยู่แล้ว แล้วบอกกับตัวเองว่าคุณผ่านอะไรมาบ้าง แล้วคนที่อยู่รอบๆ ข้างคุณมีใครบ้าง แน่นอน หนึ่งในนั้นต้องมีแม่ของคุณอยู่ข้างๆคุณ ไม่ว่าจะเดินหน้าไปกี่ก้าวเมื่อหันหลับมาก็จะเจอแม่ที่รอเราอยู่เสมอเป็นกำลังใจให้เสมอ และท่านไม่เคยหวังอะไรมากไปกว่าคุณอยู่เป็นสุขสบายและประสบความสำเร็จในชีวิต  ลึกๆในใจของแม่หลายๆคนก็อยากได้ยินคำว่า รัก ออกจากปากคุณครับ
บอก “รัก” ท่านถ้าคุณยังมีโอกาสนะครับ
ความสุขจริงอยู่ที่ไหนใครจะรู้
ความสุขแท้นั้นอยู่ตลอดไหม
ความสุขล้นที่เอ่อออกจากใจ
ความสุขใดจะสู้จากครอบครัว

วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554

วันนี้ ของการคิดอะไรคนเดียว

เดินออกมาจากออก office แล้วยืนคิดคนเดียวว่า การทำงานที่ดีที่สุดคือทำมันออกมาจากใจ ออกจากใจแล้วใจ ใช้ใจทำ ทำให้สุดใจ แล้วจะสุขใจ ที่ได้ทำ